ในเกมค่ำคืนที่ผ่านมานั้น เป็นเกมที่เป็น Big Match ของศึกพรีเมียร์ลีคอังกฤษ ที่เป็นการเจอกันของ เรือใบสีฟ้า เปิดบ้านรับการมาเยือนของ หงส์แดง ซึ่งผลก็ได้ออกมาเป็น 1-1 เจ๊ามันส์ ที่สุดในซีซั่นนี้ แม้ว่าประตูจะเกิดขึ้นในเกมนี้เพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น โดยเกมนี้นั้น “เจอร์เก้น คลอปป์” ได้ส่งแนวรุกพร้อมกันถึง 4 คนเลย ซึ่งทำการกองหลังของแมนฯซิตี้นั้น ต้องรับมือยากมากๆ ในช่วงเกมครึ่งแรก
แต่หลังจากที่ปรับตัวได้ แมนซิตี้ก็ได้สวนกลับบ้าง ต้องบอกว่าตลอดเกมเวลา 90 นาทีของเกมนี้ เป็นเกมที่มีการเปิดเกมรุก ที่สนุกที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยประตูแรกของเกมนี้นั้น เป็นการสังหารจุดโทษของ “โมฮาเหม็ด ซาล่าห์” ก่อนที่จะเป็น “กาเบียล เฆซุส” ยิงตีเสมอให้ได้ในเวลาต่อมา และเกือบจะขึ้นนำเป็นสกอร์ 2-1 แต่ว่าเจ้ากรรม “เควิน เดบรอยด์” ดันไปยิงจุดโทษไปเข้าในช่วงนาทีที่ 41
จากการเสมอครั้งนี้ ทำให้ทีมลิเวอร์พูลนั้น มีคะแนนอยู่ที่ 17 แต้ม หล่นลงมาอยู่ที่อันดับที่ 3 ของตาราง แต่ก็ตามหลังจ่าฝูงแค่ 1 คะแนนเท่านั้น และหลังจากเกมนัดนี้ ก็จะเป็นการเจอกันของ 2 ทีมนี้อีกด้วย รับประกันว่าดุเดือดอย่างแน่นอน
แต่ก่อนที่จะไปเรื่องอื่น เราจะมาทำการเปิด 5 ประเด็น ในเกมที่เรือเจ๊าหงส์มันส์ 1-1 เมื่อเกมค่ำคืนที่ผ่านมา ว่าจะมีประเด็นอะไรกันบ้าง ?
ประเด็นที่ 1 คลอปป์ใจถึง ส่ง 4 ประสานลงแดนหน้า!
เกมนัดนี้นั้น เป็นการตัดสินใจที่เด็ดมากๆ โดยการส่งตัวรุกพร้อมกันถึง 4 คน ได้แก่ ดิอาโก้ โจต้า , โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ , ซาดิโอ มาเน่ และโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ลงสนามพร้อมกันทั้งหมด โดยมาในแผนระบบ 4-2-4 ซึ่งเป็นครั้งแรก ที่คลอปป์เล่นแผนนี้ ซึ่งก็ถือว่าได้ผลอย่างมาก ช่วงต้นเกมนี้นั้น แนวรุกของหงส์แดงจัดจ้านอย่างมาก
ทำการบุกทะลวงไม่มีหมด จนมาได้ประตูแรกในนาทีที่ 13 หลังจากที่ “ไคล์ วอร์กเกอร์” ได้ทำการเหนี่ยวมาเน่ล้มลม ส่งผลให้เป็นจุดโทษทันที ซึ่งก็เป็นรายของซาล่าห์ ที่รับหน้าที่สังหารจุดโทษ ทำให้ทีมขึ้นนำได้อย่างรวดเร็วก่อน
สำหรับการลงพร้อมกัน 4 คนในเกมนี้ ถือว่าสอบผ่านเป็นอย่างมาก เพราะว่าได้ลงสนามไปเยือนถึงถิ่น “เอดิฮัตส์ สเตเดี้ยม” ที่เป็นรังเหย้าของแมนฯซิตี้ และทำผลงานได้ดีแบบนี้ ไม่แน่ในอนาคตอันใกล้นี้ เราอาจจะได้เห็น 4 ประสานแนวรุกชุดใหม่ ลงสนามพร้อมกันแบบนี้ทุกเกมก็ได้!
ประเด็นที่ 2 โรงพยาบาลถามหาต่อเนื่อง
ถึงแม้ว่าเกมนี้นั้น หงส์แดงจะทำการเสมอได้ถึงถิ่น แต่ก็ต้องสังเวยนักเตะไป เนื่องจากอาการบาดเจ็บ โดยล่าสุดเป็นรายของ “เทรนต์ อล็กซานเดอร์ อาโนลด์” แบ็คขวาตัวเก่งของทีมไปอีกราย เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บบริเวณน่อง ต้องทำการเอ็กซเรย์โดยด่วน
แต่ก็นั่นก็อาจจะเป็นผลดี เพราะว่าเจ้าหนูเทรนต์ อาจจะไม่ต้องไปเล่นเกมทีมชาติ และมีเวลาพักฟื้นได้มากกว่า ถ้าหากมีเวลาพักที่มากพอ ก็อาจจะได้ลงเล่นเกมต่อไป ที่ทางทีมจะต้องไปเจอ “จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้” ที่จะเป็นเกมท้าชิงตำแหน่งจ่าฝูง
ส่วนนักเตะคนอื่นๆนั้น ก็ยังคงต้องพักฟื้นต่อไป ไม่ว่าจะเป็นรายของ “เวอร์จิล ฟานไดจ์” “ติอาโก้ อาคัลทาร่า” “ฟาบินโญ่” ซึ่งนักเตะที่ได้กล่าวมานั้น ก็ล้วนแต่เป็นส่วนสำคัญของทีมทั้งนั้น ถ้าหากนักเตะทั้งหมดได้รับบาดเจ็บ ก็ถือได้เลยว่าซีซั่นนี้นั้น เป็นซีซั่นที่หนักมากๆ สำหรับพลพรรคหงส์แดงในปีนี้ ที่ต้องก้าวผ่านไปให้ได้
ประเด็นที่ 3 ฟีโน่ยังขาดความมั่นใจ , ซากิรี่ไว้ใจได้เสมอ
หลังจากเกมนี้นั้น ทุกคนจะรู้ได้เลยทันทีว่า “โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่” นั้นขาดความมั่นใจมากๆ เจ้าตัวไม่สามารถเล่นได้เหมือนก่อน จังหวะที่ควรจะได้ เจ้าตัวดันทำเสียไปง่ายๆ ถ้าหากต้องตัดเกรดนักเตะทั้ง 4 คนในแนวรุกนั้น ต้องให้ฟีโน่ได้คะแนนน้อยที่สุด เพราะว่าไม่สามารถกดดันแนวรับของแมนฯซิตี้ได้เลย ทำให้คลอปป์ต้องเปลี่ยนตัวออกในเกมนี้
และนักเตะที่ลงสนามแทน นั่นก็คือพี่ป้อมแห่งแอนฟิลด์ “เซอร์ดาน ชากิรี่” ที่ลงมาแทนนักเตะบราซิเลี่ยน และสามารถทำผลงานได้ดีเยี่ยม ขยันในการไล่เพรสซิ่งบอล และมีทักษะเฉพาะตัวที่ดีเยี่ยม มีการเปิดบอลที่สวยงามมากๆในเกมนี้
ถ้าหากยังมีนักเตะที่เจ็บเยอะแบบนี้ อาจจะเป็นเวลาของชากิรี่ ที่อาจจะได้ลงสนามเป็นตัวจริง ซึ่งสาวกเดอะค็อปก็รู้อยู่แล้วว่า ชื่อชั้นของนักเตะรายนี้นั้น สามารถไว้ได้เสมอยามลงสนาม และหากได้โอกาสลงตัวจริงต่อเนื่อง ก็อาจจะเรียกความมั่นใจมาเต็ม 100% ไม่แน่อนาคตอันใกล้นี้ เจ้าตัวอาจจะได้เป็นตัวเลือกอันดับ 1 ของคลอปป์ก็เป็นได้!
ประเด็นที่ 4 มาติปมาได้ทันเวลาพอดี อย่างกับรู้ใจ!
นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ เพราะว่าเกมนี้นั้น “โจแอล มาติป” ได้สลัดอาการเดี้ยงเป็นปลิดทิ้ง และทำการลงสนามเป็นตัวจริงได้ ซึ่งเกมนี้ต้องบอกเลยว่า เจ้าตัวเป็นแนวรับที่เล่นได้ดีที่สุด ถ้าหากต้องส่งดาวรุ่งอย่าง “รีส วิลเลี่ยมส์” ลงสนามในเกมนี้นั้น อาจจะไม่สามารถต้านทานเกมรุกของเจ้าบ้านได้แน่นอน
ฟอร์มส่วนตัวในเกมนี้นั้น ถือว่าทำได้ดีมากๆ โดยเจ้าตัวสามารถสกัดบอลได้ดีเยี่ยม อีกทั้งยังคุมเกมรุกของเจ้าบ้านได้อย่างอยู่หมัด แต่ถ้าจะให้พูดกันแบบตรงๆ มาติปอาจจะยังไม่หายเต็มแบบ 100% เพราะว่าเราจะสังเกตได้จากความเร็ว ที่เจ้าตัววิ่งเซฟตัวเองอย่างมาก ถ้าหากเจ้าตัวหายเจ็บแบบเต็มที่แล้วจริงๆ ลูกยิงตีเสมอของ “กาเบรียล เฆซุส” อาจจะไม่เกิดขึ้นในเกมนี้ก็ได้
ประเด็นสุดท้าย เตรียมพร้อมสำหรับเกมถัดไป!
พลพรรค “เดอะ เร้ดส์แมชชีน” รู้ดีอยู่แล้วว่า หลังจากที่ได้ทำการ เจ๊ามันส์ ไปในเกมนี้นั้น ส่งผลให้ทีมต้องหล่นไปที่อันดับ 3 แต่ว่าโชคชะตาดันมาเล่นตลก เพราะว่าเกมต่อไปนั้น จะเป็นการเจอกับทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ตอนนี้นั้นได้ก้าวไปอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูง ซึ่งมีคะแนนมากกว่าอยู่ที่ 1 คะแนนเท่านั้น
แต่ก่อนจะเริ่มเกมต่อไปนั้น จะเป็นการพักเบรกทีมชาติ เท่ากับว่านักเตะลิเวอร์พูลนั้น จะมีโอกาสได้พักผ่อน และอาจจะมีข่าวดีได้ในก่อนเกมการแข่งขัน เพราะว่านักเตะที่ได้รับอาการบาดเจ็บนั้น จะมีเวลาพักฟื้นได้มากกว่าเดิม ส่งผลให้เราอาจจะได้เห็นฟูลทีมลิเวอร์ เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของจิ้งจอกสยาม งานนี้จะได้รู้อย่างแน่นอน ว่าใครจะหมู่หรือว่าจ่า!!
ติดตามข่าวกีฬาได้ที่ ufabet911 เว็บ แทงบอล ที่ดีที่สุด สมัครสมาชิก คลิก