เจ๋งสุดไปเลยพี่ ผ่านมาแล้วถึงเกมที่ 14 ในการแข่งขัน EPL ตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 3 เป็นที่เรียบร้อย แถมตามหลัง ลิเวอร์พูล จ่าฝูงในเวลานี้ที่ 5 คะแนนเท่านั้น แถมยังมีการแข่งขันน้อยกว่า 1 เกม ถือว่าเป็นสถิติที่ดีมากๆ นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้วางมือจากทีมไป
ซีซั่นนี้น่าจะเป็นซีซั่นที่ดีที่สุดของทีม นับตั้งแต่ “ป๋าเฟอร์กี้” ได้อำลาจากทีมออกไป โดยตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบช่วง Boxing Day เรียบร้อยแล้ว และทีมได้อยู่อันดับ 3 ในตอนนี้ ตามหลังจ่าฝูงแค่เอื้อมมือ แถมมีการแข่งขันที่น้อยกว่า ซึ่งถือว่าเหนือความคาดหมายมากๆ
โดยการลงสนาม ผ่านการคุมทีมจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ตลอดการแข่งขัน 7 นัดหลังสุด พวกเขาสามารถเอาชนะได้ถึง 6 เกม เสมอ 1 และไม่แพ้ให้ทีมไหนเลย ทำให้เขาสามารถเก็บได้ทั้งหมด 26 แต้ม จากการลงสนามทั้งหมด 13 เกมในซีซั่นนี้ ซึ่งยังเหลือเกมให้เบียดแต้มอีก 3 คะแนน เพื่อเข้าใกล้จ่าฝูงมากกว่านี้
หากนับตั้งแต่ เฟอร์กูสัน ได้วางมือจากทีมไปเมื่อปี 2013 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่สามารถทำผลงานได้ดีเลย โดยเฉพาะในปีที่แล้ว ที่ในช่วงเวลานี้นั้น ทีมได้ตามหลังลิเวอร์พูลถึง 24 คะแนน ซึ่งจริงๆแล้วมันปกติมาก เพราะว่าในช่วงเวลานี้ พรีเมียร์ลีคอังกฤษ จะมีโปรแกรมแข่งขันที่ถี่มากกว่าประเทศอื่น ทำให้สภาพของนักเตะหลายๆคน อาจจะมีการเหนื่อยล้าเกิดขึ้น
แต่หลายคนก็อาจจะรู้ ว่าในช่วงปี 2017-18 ในช่วงวันคริสต์มาส ทีมได้รั้งอยู่ที่อันดับที่ 2 ของตาราง แต่ว่าเวลานั้นก็ยังไม่ใช่ที่สุด เพราะว่าได้ตามจ่าฝูงที่ 13 คะแนน เมื่อเทียบกับช่วงเวลานี้ ต้องบอกเลยว่าเปรียบเทียบกันแทบไม่ได้
ซึ่งวันนี้เราจะมาเปิดสถิติ ตั้งแต่ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้ทำการวางมือไปเมื่อปี 2013 ว่าในช่วง Boxing Day ทีมมีคะแนนตามหลังจ่าฝูงที่เท่าไหร่ และจบที่เท่าไหร่เมื่อหมดฤดูกาล!
ซีซั่น | อันดับช่วง บ็อกซิ่งเดย์ | จำนวนคะแนนตามจ่าฝูง | อันดับสุดท้ายของซีซั่นนั้น |
2013-2014 | 8 | 8 pts. | 7 |
2014-2015 | 3 | 10 pts. | 4 |
2015-2016 | 5 | 9 pts. | 5 |
2016-2017 | 6 | 13 pts. | 6 |
2017-2018 | 2 | 13 pts. | 2 |
2018-2019 | 6 | 19 pts. | 6 |
2019-2020 | 8 | 24 pts. | 3 |
2020-20218 | 3 | 5 pts. | -ดำเนินการอยู่- |
ก็เห็นได้อย่างชัดเจนเลย ว่านี่เป็นซีซั่นที่ดีที่สุดจนต้องเอ่ยคำว่า เจ๋งสุดไปเลยพี่ ตลอดเวลาหลังจากป๋าวางมือ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ผ่านมือกุนซือหลายๆคน ไม่ว่าจะเป็น The chosen one อย่าง “เดวิด มอยส์” ก็ไม่สามารถพาทีมดีขึ้นได้ หรือว่าจะเป็นจอมปรัชญา ที่พาทีมอย่าง “อาแจ็กซ์ อัมส์เตอร์ดัม” คว้าแชมป์ UEFA Champions League มาครองได้สำเร็จอย่าง “หลุยส์ ฟานกัล” ก็ไม่สามารถปลุกปีศาจให้คืนชีพได้
จนทีมได้เซ็น The Special one อย่าง “โชเซ่ มูริญโญ่” มาคุมทัพเป็นคนที่ 3 ก็ไม่สามารถทางแชมป์ English Premier League กลับคืนมาได้เช่นเดียวกัน เต็มที่ก็ได้แค่แชมป์ UEFA EUROPA LEAGUE มาครองได้ในช่วงปี 2016-2017 เท่านั้นเอง
จากที่เป็นทีมที่น่ากลัว ก็กลางเป็นทีมธรรมดาไปเลย โดยตอนนี้พวกเขานั้น ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ แถมยังไม่ได้น่าเกรงขามอีกต่อไป ล่าสุดเพิ่งตกรอบ UCL รอบแบ่งกลุ่มไป ส่งผลให้ต้องไปเล่น UEL ในรอบ 32 ทีมสุดท้ายแทน
แต่ก็ถือว่าซีซั่นนี้มาดีมากๆ ถึงแม้ว่าตอนเปิดฤดูกาล หลายๆคนที่ได้เห็นฟอร์มการเล่น อาจจะคิดว่าไปไม่ถึงไหนแน่ๆ แต่เมื่อผ่านมาได้ 25% ของการแข่งขัน แมนยูกลับทำได้ดีเกินคาด และมีแววมาแย่งแชมป์ในปีนี้ โดยก่อนหน้าจะมีแค่ชื่อทีม แมนฯ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส และเชลซี เพียงแค่นี้เท่านั้นเอง
และก็ต้องมาจับตากันต่อ เพราะว่าตอนนี้นักเตะแต่ละคนของทีม ก็สามารถทำผลงานได้ดีมากๆ โดยเฉพาะรายของ “บรูโน แฟรนันส์ด” ที่กดไปแล้วถึง 9 ประตูกับอีก 5 แอสซิสต์ในซีซั่นนี้ รองต่อมาก็เป็น “มาร์คัส แรชฟอร์ด” ที่ยิงไปแล้ว 5 ประตู
ติดตามข่าวกีฬาได้ที่ ufabet911 เว็บ แทงบอล ที่ดีที่สุด สมัครสมาชิก คลิก