แมนเชสเตอร์ดาร์บี้จืด! เปิด 4 ประเด็นผีเจ๊าเรือ 0-0

สำหรับเกมบิ๊กแมตช์ แมนเชสเตอร์ดาร์บี้จืด ก็ได้จบลงเป็นที่เรียบร้อย โดยเป็นการเสมอกัน 0-0 ถือว่าเป็นการจบแบบจืดมากๆ แต่ก็มีหลากหลายประเด็นสำหรับเกมนี้ ที่ให้เราได้มาถกเถียงกัน โดยดาร์บี้แมตช์ครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งที่ 183 ของประวัติศาสตร์ และเป็นนัดแรกของซีซั่นนีั้

ซึ่งภายในเกมนี้นั้น ได้มีการยิงตรงกรอบแค่ 4 ครั้ง รวมกันทั้ง 2 ทีม ตลอดเวลา 90 นาทีการแข่งขัน โดยเราจะมาเจาะทั้งหมด 4 ประเด็น ในเกมจืดนัดนี้กัน ว่าจะมีประเด็นอะไรกันบ้าง!

ประเด็นที่ 1 กลางผีสุดโหด

ในเกมการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ดาร์บี้จืด ถึงแม้จะจบแบบไร้สกอร์ แต่ว่าเกมการแข่งขันนั้น ก็เป็นการแข่งที่แดนกลาง โดยเราจะเห็นได้เลย ว่าเกมมักจะเล่นกันที่กลางมาก โดยเป็นทางผีแดง ที่มีโอกาสครองบอลมากกว่า และถ้าเรามาเจาะที่นักเตะรายคน เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลย ว่านักเตะแต่ละคนนั้น มีความโหดมากขนาดไหน

โดยเริ่มต้นที่ ปอล ป็อกบา ถึงแม้ว่าจะมีข่าวเสียๆหายๆกับทีม แต่ทว่ากับได้ลงตัวจริงเกมนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ประกอบกับการเล่นเป็นมืออาชีพของเขา ทำให้ทีมสามารถครองบอลได้เหนียวแน่น เขาครองบอลแบบมีประโยชน์ และทำให้ทีมเล่นง่ายขึ้นมาก ซึ่งสถิติของเขานั้น เขาสร้างโอกาสให้เพื่อน 2 ครั้ง และเลี้ยงผ่านคู่แข่งสำเร็จ 2 ครั้ง

และที่โดดเด่นที่สุด คงไม่พูดไม่ได้เลยสำหรับ “เฟร็ด” ที่เล่นได้อย่างโดดเด่น โดยเขารับมือทุกอย่างเลย กลางแมนฯ ซิตี้ ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ และยังมีการโชว์จังหวะ “ซีดาน เทิร์น” หักหลบ 2 นักเตะเรือใบสีฟ้า ถือว่าเป็นจังหวะที่สวยมากๆ และเรียกได้ว่าเป็น “บราซิลเลี่ยน” ของจริง 100% สำหรับเกมนัดนี้

ประเด็นที่ 2 เกมรับเหนียวแน่น

ถึงแม้ว่าเกมรุกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเป็นที่น่าสนใจในเกมนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าเกมรับของผีแดงก็ไม่ต่างกัน พวกเขาสามารถเล่นได้ดี ถึงแม้ว่าเกมรุกของ แมนเชสเตอร์ ซิตี จะโหดมากขนาดไหนก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถผ่านหลังแมนยูได้เลย

ถึงแม้ว่าซีซั่นนี้นั้น แมนฯ ยูไนเต็ด จะเซ็นแค่แบ็กขวามาคนเดียว ท่ามกลางกระแสของแฟนบอล ที่ต้องการได้เซ็นเตอร์คนใหม่ เพราะว่าทาง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ได้คิดว่าตอนนี้นักเตะของทีม ที่อยู่ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ ได้ล้นทีมแล้วในเวลานี้ เลยเซ็นแค่ “อเล็ก เตเลส” เข้ามาสู่ทีมแค่คนเดียว ทำให้ตอนนี้ทีมเสียประตู 17 ลูก จากการลงเล่นทั้งหมด 10 นักในเกมลีค ถือว่าน่าเป็นห่วงมากๆเลย

ส่วนในการเล่นถ้วย UEFA Champions League ก็ได้เสียไปถึง 10 ประตู จากการลงเล่นทั้งหมด ยิ่งเป็นสิ่งที่ตอกย้ำ ว่าทีมได้ตัดสินใจผิดมากๆ ที่ไม่ได้ซื้อกองหลังเพิ่มกว่านี้ แต่ทว่าในเกมนัดนี้ แผงแบ็ค 4 ของทีมแมนยูนั้น ได้ทำผลงานได้ดีมากๆ โดยเฉพาะรายชื่อของ “แฮรี่ แม็กไกวร์” กัปตันทีมคนเก่งของเรา ได้โชว์ฟอร์มค่าตัว 80 ล้านได้อย่างดีเยี่ยมเลย

โดยเขามีสถิติในเกมนี้ที่ ตัดบอล 3 ครั้ง บล็อคลูกยิง 3 ครั้ง เคลียร์บอล 2 ครั้ง สกัดสำเร็จ 2 ครั้ง ซึ่งถือว่าโดดเด่นมากๆเลย สำหรับเกมที่ใหญ่มากๆขนาดนี้ ส่วนทางด้านแบ็คขวาอย่าง อารอน วาน บิสซาก้า เขาเป็นคนที่ทำให้เกมรุกแมนฯ ซิตี้ ไม่สามารถเจาะมาฝั่งซ้ายได้เลย โดยเขาได้ทำการสกัดบอลสำเร็จ 4 ครั้ง เคลียร์บอล 3 ครั้ง และตัดบอลทิ้งสำเร็จอีก 2 ครั้ง

ส่วนกองหลังที่โดดเด่นที่สุด และได้รับรางวัล Man Of The Match ก็คือรายชื่อของ “ลุค ชอว์” เขาเป็นนักเตะตำแหน่งแบ็คซ้ายของเกมนี้ แทนที่รายชื่อของ อเล็ก เตเลส โดยเขาสกัดบอลสำเร็จ 4 ครั้ง และเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งอีกจำนวน 3 ครั้งอีกด้วย

ประเด็นที่ 3 เล่นในบ้านยังอ่อนอยู่ดี

การจบเกมด้วยผลเสมอเกมนี้ ทำให้สถิติในการเล่นใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ยังคงอยู่ที่สถิติแย่อยู่ เนื่องจากการเล่นในบ้านตอนนี้ พวกเขาชนะเพียงแค่ 1 เกมเท่านั้น ซึ่งเป็นการชนะทีม เวสบอรมวิช อัลเบี้ยน ชนิดที่เรียกว่าหืดจับ อีกทั้งยังพลาดการทำประตูในบ้าน 3 ครั้งในซีซั่นนี้ ถือว่าเป็นสถิติที่แย่กว่าปี 2019-2020 เสียอีก

ทำให้ตอนนี้ฉายา “โอลด์ แทรฟฟอร์ด รีสอร์ท แอนด์ สปา” ได้ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง เพราะว่าตอนนี้ฟอร์มการเล่นในบ้าน แมนยูไม่ได้เป็นที่น่าเกรงขามอีกต่อไปแล้ว และหากยังไม่สามารถแก้ไขได้ ก็จะทำให้สนามเหย้าแห่งนี้ จะไร้ความขลังไปอีกนาน

ประเด็นที่ 4 ผีไม่เหมือนอดีตแล้ว

ในซีซั่นก่อน ต่อให้ผีแดงจะห่วยขนาดไหน แต่เมื่อเจอกับทีมใหญ่ๆ แมนยูจะทำผลงานได้ดีเสมอ แต่สำหรับซีซั่นนี้ ต่อให้จะเจอกับทีมในระดับไหน ทีมก็สามารถพลาดท่าให้ได้เสมอ ทำให้เราได้เห็นได้อย่างชัดเจน ว่าตอนนี้ทีมไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ซึ่งถ้าหากทีมไม่ปรับแท็คติก และไม่ปรับระบบการเล่นใหม่ ก็อาจจะยากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ และเชื่อว่าคงต้องใช้เวลาอีกนาน กว่าทีมจะกลับไปอยู่ในจุดเดิมได้

ติดตามข่าวกีฬาได้ที่ ufabet911 เว็บ แทงบอล ที่ดีที่สุด สมัครสมาชิก คลิก