โหดไหมครับพี่ สำหรับการแข่งขันในปี 2020 หลายๆคนอาจจะมอง ว่าทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่เล่นได้แย่ แต่เมื่อเปิดสถิติแล้ว โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เป็นกุนซือที่เก็บแต้มได้เยอะที่สุดอันดับ 2 (เฉลี่ยต่อ 1 นัด) ได้เยอะที่สุดในศึก English Premier League
ถึงแม้ว่าน้าลูกอม อาจจะพาทีมเล่นไม่ค่อยดี แต่ถ้าหากพูดเรื่องผลเกม ต้องบอกว่าไม่ได้เป็นรองใครเลย โดยหากเรานับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2020 โอเล่ ทำแต้มได้เฉลี่ยที่จำนวน 20.3 ต่อนัดเลยทีเดียว โดยเป็นรองแค่ เจอร์เก้น คลอปป์ ของลิเวอร์พูลที่ทำไว้ที่เฉลี่ยต่อ 1 นัด ได้คะแนนที่ 2.31 คะแนน
ถึงแม้ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาจะโดนตำหนิหลายครั้ง ว่าคุมทัพได้น่าเบื่อมากๆ และไม่มีการคงความมาตรฐาน เล่นดี 2 นัด แย่ไปอีกที 5 นัด เป็นวัฏจักรที่เราเห็นได้บ่อยมากๆ ชนะมาเป็นเสมอ เสมอกลับมาแพ้ พอมีข่าวจะโดนปลดจากตำแหน่ง ก็สามารถเอาชนะได้อีกครั้ง จนมีวลีฮิตกันว่าเป็น “วัฏจักรของโอเล่” จนมีกระแสฮิต ‘Save Ole’ ให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
โดยหากเรามาเปิดสถิติ สำหรับกุนซือของ EPL ที่ทำผลงานได้ดีที่สุด โดยนับเฉลี่ยการเก็บแต้มต่อนัด เราจะได้อันดับ 1 เป็นทาง เจอร์เก้น คลอปป์ จากสโมสรลิเวอร์พูล อันดับที่ 2 ก็จะเป็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ จากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ส่วนอันดับที่ 3 นั้น เป็นอะไรที่ผิดคาดมากๆ ซึ่งอันดับนี้ได้โดย โจเซป กวาดิโอล่า กุนซือสมองเพชรจากสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยเขาได้เฉลี่ยไปที่ 2.00 แต้มต่อนัด ส่วนอันดับต่อมาก็จะเป็น แฟรงค์ แลมพ์พาร์ด กุนซือหนุ่มร้อนแรงจากเชลซี ที่ทำผลงานได้ดีเกินคาด
โดยเราจะมาเปิดตาราง 6 อันดับกุนซือ ที่ทำผลงานตั้งแต่ปี 2020 จนถึงปัจจุบัน ว่าใครทำผลงานได้ดีที่สุด โดยจะมีดังต่อไปนี้
อันดับ | จำนวนนัด (APP) | คะแนนเฉลี่ย (ต่อ 1 นัด) | ขนะ | เสมอ | แพ้ | ได้-เสีย | อัตราชนะ (%) |
1 เจอร์เก้น คลอปป์ (LFC) | 35 | 2.31 | 25 | 6 | 4 | 41 | 71% |
2. โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ (MANU) | 33 | 2.03 | 20 | 7 | 6 | 33 | 61% |
3. โจเซป กวาดิโอล่า (MNC) | 33 | 2.00 | 20 | 6 | 7 | 44 | 61% |
4. แฟรงค์ แลมพาร์ด (CFC) | 34 | 1.74 | 17 | 8 | 9 | 22 | 50% |
5.ราล์ฟ ฮาเซ่นฮึททึล (SOU) | 34 | 1.71 | 17 | 7 | 10 | 13 | 50% |
5. โชเซ่ มูรินโญ่ (TOT) | 34 | 1.71 | 16 | 10 | 8 | 19 | 47% |
ซึ่งนี่เป็นการเฉลี่ย ซึ่งปัจจุบันนี้นั้น ต้องบอกว่าในแต่ละทีม ก็ต่างกันทำผลงานได้ดีเยี่ยม ปัจจุบันคะแนนอัพเดทล่าสุด ก็ยังคงเป็นแชมป์เก่าอย่าง “หงส์แดง” กำลังนำเป็นจ่าฝูงอยู่ โดยมีคะแนนเก็บทั้งหมด 31 คะแนน จากการลงเล่นทั้งหมด 14 เกม โดยนำห่างรองจ่าฝูงอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ที่จำนวน 4 คะแนนด้วยกัน
และทางด้านของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากต้นฤดูกาลที่ผ่านมา หลายๆคนอาจจะคิดว่าแค่ติด TOP 4 ก็น่าจะพอแล้ว เนื่องจากมาตรฐานของทีมแทบไม่มี บางเกมเล่นดีก็ Wolrd Class ไปเลย แต่วันไหนที่เล่นได้ไม่ดี ก็สามารถแพ้ได้ตลอดเวลา 90 นาทีเช่นเดียวกัน
แต่ใครจะไปคิดว่าตอนนี้ ทีมได้ไต่ขึ้นมาอยู่ที่ 3 ได้แล้วในตอนนี้ แถมมีแต้มตามจ่าฝูงเพียงแค่ 5 คะแนนเท่านั้น ที่สำคัญก็คือแข่งน้อยกว่า 1 นัดอีกด้วย เท่ากับว่าถ้าหากเกมต่อไป แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถเก็บชัยชนะ 3 แต้มได้ ก็จะสามารถขึ้นไปอยู่รองจ่าฝูงได้เลย ซึ่งถือว่าเหนือคาดมากๆ โหดไหมครับพี่
ติดตามข่าวกีฬาได้ที่ ufabet911 เว็บ แทงบอล ที่ดีที่สุด สมัครสมาชิก คลิก